วันศุกร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2551

จดหมายข่าวการศึกษาดูงานครั้งที่ ๓ ทุ่งสง ทุ่งใหญ่

จดหมายข่าว ฉบับย้อนรอยศึกษาดูงานครั้งที่๓ อ.ทุ่งใหญ่
ย้อนรอยโดย นักศึกษา สุมณฑินี สมัครพงศ์
ปีที่ ๒ ฉบับที่ ๔ วันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๐
.........................................................................................................................................................................
นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร ศูนย์จังหวัดนครศรีธรรมราช ระดับบัณฑิตศึกษาทุกคน ยินดีต้อนรับ.ดร.สวัสดิ์ พุ้มพวง ด้วยความยินดียิ่ง
..................................................................................................................

จดหมายข่าวฉบับนี้นักศึกษาได้มีโอกาสต้อนรับ ดร.สวัสดิ์ พุ้มพวง ที่พวกเราชาวนักศึกษายินดีและภูมิใจเป็นยิ่งยิ่ง ที่ได้มีโอกาสได้รับการถ่ายทอดกระบวนการเรียนรู้ จากท่านมาแล้วถึงสองครั้งด้วยความคม ชัด ในทุกประเด็น นักศึกษาขอต้อนรับด้วยความยินดียิ่งค่ะ
ค่ะสำหรับจดหมายข่าวฉบับนี้ภายใต้ชื่อว่า ” ฉบับย้อนรอยศึกษาดูงาน ” ระหว่างวันที่ ๘-๙ ธันวาคม ๒๕๕๐ ขออนุญาตนำเสนอเป็นจดหมายข่าวเล็กๆได้อ่านยามว่างด้วยกัน
๐๙.๐๐น. พรรคพวกก็ทยอยถึงบ้านพี่เพ็ญศรีกันเป็นละลอก คันแรกที่ไปถึงคือน้องหมอเบิร์ดน้องสาวคนสวย ทักทายเจ้าของบ้านเสร็จขนมจีนกับแกงขมิ้นหนองหงส์หมดไปสามชามเติบๆ เด็กกำลังกินกำลังนอนก็อย่างนี้แหละเจ้าค่ะ
๑๐.๐๐ . นักศึกษาก็มาพร้อมกัน ทุกคนก็ได้ร่วมแรงร่วมใจช่วยกันจัดเวที โดยแบ่งเป็น ๓ กลุ่ม คือ กลุ่มออมทรัพย์ กลุ่มแกงขมิ้น และกลุ่มประวัติตำบลหนองหงส์ เปิดเวทีโดยผอ.สวัสดิ์ สมัครพงศ์ ก็ตื่นเต้นกับเวทีสำหรับนักวิจัยมือใหม่พอสมควร อาจารย์ดร.สวัสดิ์ พุ้มพวง ได้สรุปปิดท้ายการทำเวทีครั้งนี้มีการการกระเซ้าเย้าหยอก เป็นระยะๆ นำทีมโดยคู่หูน้องตุ้มพี่เดช
เที่ยงครึ่งก็เคลื่อนจากทุ่งสงสู่ทุ่งใหญ่ประมาณครึ่งชั่วโมง สถานที่แรกที่เยี่ยมชมดูงานก็คือ องค์การสวนยางกรุงหยัน พบกับวิทยากรเสร็จก็แยกย้ายกันไปดูของจริง ๓ กลุ่มย่อยประมาณ ๑ ชั่วโมงเสร็จสิ้น
ออกจากองค์การสวนยางกรุงหยัน ไปชมทะเลสองห้อง ทำไปทำมาทะเลสองห้องไปอยู่อบต.กรุงหยัน น้องปรานีก็ยืนนับให้พี่สุมณฑินีฟังได้เป็นเรื่องเป็นราว พี่สุมณฑินีก็เออออด้วย ปรากฎเสียงโหวกเหวกว่าไม่ใช่ต้องไปอีก ก็ไปกันอีก คราวนี้ถึงสองห้องจริงๆ สวยมาก บรรยากาศสดชื่น อยากลงไปแหวกว่ายกลางสายน้ำที่ใสแจ๋ว ถ้ามีวิทยากรมาบอกเสียหน่อยว่าทำไมถึงเป็นสองห้องก๊น่าจะดีเนอะ
จากนั้นก็ไปชมถ้ำเพดาน เป็นถ้ำที่น่าสนใจ น่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง ต่อไปฝอยฝนว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สุดยอดอีกที่หนึ่งของนครศรีฯ ณ ที่นี้ได้รับความชื่นใจจากน้ำมะพร้าวอ่อนๆพร้อมด้วยข้าวเม่าเหนียวดำคลุกมะพร้างนื้อเพหลาดพอดีฝีมือแม่พยอมกับน้องแจ้ว พอดิบพอดีกับกระเพาะกำลังเรียกหา
ตกบ่ายใกล้ค่ำรถทุกคันก็เข้าสู่หอประชุมโรงเรียนกรุงหยันวิทยาคาร ซึ่งพวกเราได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากพี่น้องชาวทุ่งใหญ่ โดยเฉพาะน้องโหร้ยงานนี้เต็มที่ กล่าวเปิดเวทีต้อนรับด้วยตนเอง แถมด้วยสองเพลงที่มอบให้ พี่ฝอยฝน ซึ้งใจพ่อน้องยอดรักจริงๆค่ะน้องโหล้ย
พักเหนื่อยรองท้องเสร็จเปิดเวทีโดยผอ.สวัสดิ์ สมัครพงศ์ ขอบคุณพี่น้องทุ่งใหญ่ทุกคนและน้องนักศึกษาที่ลงทุนลงแรงช่วยกันจัดให้มีวันนี้ตั้งแต่น้องหยัด น้องโหล้ย น้องแข้ง น้องแจ้ว น้องเจี๊ยบ น้องปลา โดยเฉพาะน้อพงยอมแม่หัวงานใหญ่ ตามด้วยอาจารย์ดร.สวัสดิ์ พุ้มพวง ขึ้นไปพูดคุยและเปิดเวทีด้วยเสียงเพลงตามด้วยการเปิดฟอร์ล บรรยากาศบรรยายไม่ถูกจริงๆ บอกได้คำเดียว ”ม่วนหลายหลาย” อายุลดเหลือ ๒๐ หมด เอ้อมนุษย์หนอมนุษย์ ช่างเป็นไปได้ เที่ยงคืนดึกดื่นยังมีเสียงประท้วงว่า "เราไม่นอนๆๆๆ " เสียงใครเอ่ย?
เที่ยงคืนกว่าๆพวกเราก็ไปนั่งตาปรอยกันที่ร้านข้าวต้มในตลาด งานนี้ขอขอบคุณท่านสจ.จอมไกร สวัสดิวงศ์ พี่ชายแท้ๆของน้องแจ้วกันลิกา สวัสดิวงศ์ นักศึกษาของเรา ไว้ ณ โอกาสนี้ที่รับเป็นเจ้าภาพข้าวต้มเที่ยงคืน
รุ่งเช้านาฬิกาปลุกยี่ห้อสมเดชก็ได้ทำหน้าที่อย่างดีเยี่ยม ปลุกนักศึกษาจากความหลับใหลทุกคนกุลีกุจอทำภารกิจส่วนตัว เจ็ดโมงครึ่งพร้อมกันที่ร้านกาแฟตลาดทุ่งใหญ่ ณ ที่นี้ต้องขอขอบคุณท่านนายกแผน ท่านนายกเทศบาลตำบลป่ายาง ที่กรุณาเป็นเจ้าภาพสำหรับเช้านี้ ฤกษืดีจริงๆนะพวกเรา
วันนี้สถานที่แรกที่ไปศึกษาดูงานก็คือศูนย์เพาะพันธุ์ปลา บรรยายโดยวิทยากรและตามด้วยเยี่ยมชมการเพาะพันธ์ลูกปลา ทุกคนก็ได้ทั้งความรู้ความเพลิดเพลินไปมากมาย ช่างเป็นชีวิตที่น่าสนใจทีเดียว
เริ่มสายพวกเราเดินทางกันอีกครั้งไปสู่ศูนย์อนุบาลปลาดุก บรรยายความเป็นมาของหมู่บ้านจุฬาภรณ์ จนกระทั่งได้จัดตั้งศูนย์อนุบาลพันธุ์ปลาดุกขึ้นมา ณ ที่นี้กำนันพรกับอบต.สาวได้ไปหลายถุง เจ้าของรถบริการยิ้มแปล้เชียวนะ เป็นบรรยากาศแห่งความเอื้อเฟื้อตามประสาพี่น้องแบบน่ารักน่าเอ็นดู
ประมาณสิบเอ็ดโมงต่อด้วยบ้านคุณชาญวิทย์ซึ่งเป็นศูนย์เลี้ยงผึ้ง ข้าวซ้อมมือ การทำปุ๋ยหมัก การปลูกผักปลอดสารพิษ ท่านสุดยอดจริงๆ แม้แดดจะร้อนเปรี้ยง แต่ท่านบรรยายด้วยจิตวิญญาณของนักบรรยายจริงๆ จากนั้นจึงไปดูของจริง งานนี้เป็นที่ถูกอกถูกใจของสาวๆป.โท อยากเป็นนางพญาผึ้ง ๑ต่อ ๔๐ นะเจ้าค่ะ พี่รวมขาขอคำตอบหน่อยค่ะ
ตกบ่ายถึงบ้านพี่ไพศาลกับพี่เล็กสองตายายที่น่ารัก “สามีภรรยาตัวอย่างแห่งปี”กล่าวต้อนรับตามด้วยน้ำชากาแฟขนมนมเนย อาจารย์ดร.สวัสดิ์ก็ได้จัดเวทีไดอะลอก ให้นักศึกษาฝึกการนำเสนอ สิ่งที่ได้พบ ได้เห็น ได้รู้ มาสรุปวิเคราะห์ ภายในเวลาคนละ ๒ นาที ทั้งสนุกสนานและได้สาระ ๑๘ คน ๑๘ สไตล์ โดยเฉพาะประเด็นของน้องตาล น้องมุก มุมมองน่าสนใจทีเดียว ตามด้วยการสรุปประเด็นจากการพูดคุยของนักศึกษาจากน้องหมอเบิร์ด พี่หมอ ท่านผอ.สวัสดิ์
สุดท้ายอาจารย์ดร.สวัสดิ์ได้สรุปการเป็นนักฟังที่ดีเพื่อเป็นนักวิจัยที่ดี เที่ยงตรง จากนั้นดอกไม้ให้คุณก็ก้องประสานจากใจนักศึกษาทุกคน....กำลังใจให้คุณ เป็นกำลังให้เธอ...แล้วก็ค่อยแผ่วหายไปทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้าน หวังว่าวันหนึ่งจะได้มาพบกันในบรรยากาศแบบนี้อีก ณ สถานที่ใดก็แล้วแต่ เสียดายที่หลายท่านไม่ได้มาและหลายท่านได้กลับไปก่อนด้วยภารกิจส่วนตัว หวังว่าครั้งต่อไปคงจะจัดสรรเวลาลงตัวและครบตั้งแต่ก้าวแรกจนกระทั่งเสร็จสิ้น “ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น” ขอบคุณทุ่งใหญ่ ขอบคุณกรุงหยัน ขอบคุณกุแหระ ที่ทำให้มีวันที่ ๘-๙ ธันวาคม ๒๕๕๐
กลับมาสัปดาห์นี้ เราก็เรียนแบบเรียนกันอีกครั้ง โดยเฉพาะงานต่างๆของอาจารย์แต่ละวิชา เหลืออีกหนึ่งเทอมกับสองเดือนกว่าๆความสำเร็จก็จะเป็นของพวกเราทุกคนแล้ว ก้าวต่อไปให้เข้มแข็งอีกนิดนะคะ ฝอยฝนขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนก้าวเดินหน้าต่อไปค่ะ
สุดท้ายจริงๆ ข่าวกรองที่ค่อนข้างแน่นอน กลางหรือปลายเดือนมกราคม ๒๕๕๑ พวกเราก็จะได้ไปศึกษาดูงานภาคกลางกัน ขอแจ้งข่าวเพื่อให้พวกเราได้เตรียมตัววางแผนไว้ล่วงหน้า นะเจ้าค่ะ ฉบับนี้เที่ยงคืนแล้วค่ะ ขอถือโอกาสสวัสดีปีใหม่ ขอให้ทุกคนมีความสุขถ้วนทั่วหน้า สวัสดีค่ะ บ๊ายบาย

· ฝนฝอยค่ะ(มอบให้นักศึกษามหาวิทยาลัยชีวิต ทุกคนด้วยความรักยิ่ง)

ไม่มีความคิดเห็น: